หมอเอสเปรันโต
🙦
# ภาษาสากล
## บทนำ และบทเรียนฉบับสมบูรณ์
{Por tajland
͵an
͵o
͵j}
---
ฉบับภาษาไทยโดย
ว.
ระยอง-สมุทรสงคราม
2564 ปรับปรุงล่าสุด 2566
---
# คำนำจากผู้แปล
ภาษาเอสเปรันโต จัดอยู่ในกลุ่มของภาษาประดิษฐ์เพื่อการสื่อสารสากลที่ได้รับความสำเร็จมากี่สุดจากภาษาในกลุ่มเดียวกัน
ภาษาเอสเปรันโตประดิษฐ์ขึ้นโดย แอล. แอล. ซาเมนฮอฟ (1859-1917) จักษุแพทย์ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิรัสเซีย (ปัจจุบันอยู่ในโปแลนด์) เนื่องจากที่ที่เขาอาศัยอยู่เป็นที่ที่มีผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ และแต่ละชาติมักมีปัญหากันโดยที่เขาเห็นว่าภาษาเป็นสิ่งที่ทำให้คนแตกแยก นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจของเขาในการสร้างภาษา
ซาเมนฮอฟเริ่มสร้างตั้งแต่ในขณะที่เป็นนักเรียน และสำเร็จจนได้รับอนุญาตจำหน่ายหนังสือที่นำเสนอภาษาของเขาในปี 1887 โดยหนังสือเขียนขึ้นในภาษารัสเซียชื่อว่า Международный языкъ. Предисловіе и полный учебникъ (และในปีเดียวกันก็ได้วางจำหน่ายฉบับภาษาโปแลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส) สรุปได้ว่าเป็นหนังสือเล่มแรก (ซึ่งต่อมาก็ถูกเรียกว่า Unua Libro "หนังสือเล่มแรก") ที่นำเสนอภาษาต่อสาธารณะ ซึ่งสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของภาษานี้เป็นอย่างยิ่ง
จุดประสงค์ของการแปลเป็นภาษาไทย เพื่อที่จะให้ชาวไทยที่มีความสนใจในเรื่องภาษาประดิษฐ์เพื่อการสื่อสารสากลสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้ทราบถึงแนวคิด ตัวโครงสร้างภาษา วิธีการสร้างคำ
สำหรับฉบับภาษาไทยฉบับนี้ เป็นฉบับที่ยังต้องมีการปรับปรุง เนื่องด้วยประสบการณ์และเวลาของผู้แปล หากผู้อ่านท่านใดสนใจให้คำชี้แนะในส่วนต่าง ๆ ขอให้ติดต่อมายังกระผมโดยตรงที่ ...
---
# หมายเหตุในการแปล
1. คำว่า ภาษาสากล หมายถึง ภาษาเอสเปรันโต
2. บทเรียนฉบับสมบูรณ์ นั้นอาจจะไม่เพียงพอสำหรับชาวไทยในการเรียนภาษาเอสเปรันโต
---
# บทนำ
สวัสดีท่านผู้อ่านที่รัก ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงเกิดความสงสัยกับหนังสือเล่นนี้เป็นแน่เพราะคงเห็นว่าเป็นหนังสือที่นำเสนอแนวคิดของชาวยูโทเปีย ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าอยากให้ท่านละทิ้งความคิดนั้นทั้งหมดเสียก่อน และมาพิจารณาเรื่องที่จะนำเสนอต่อไปนี้อย่างจริงจัง
ข้าพเจ้าขอที่จะไม่พูดถึงความสำคัญของภาษาสากลที่มีต่อมนุษยชาติ ซึ่งหมายถึงภาษาที่เป็นสมบัติของโลก คนทุกคนยอมรับและไม่มีชนชาติใดเป็นเจ้าของ
พวกเรานั้นเสียแรงกายและเวลาไปมากแค่ไหนแล้วกับการเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ แม้เมื่อเราเดินทางไปต่างประเทศ เราก็ยังไม่สามารถสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้คนอื่นได้ ทั้งที่พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรา
เราเสียแรงกาย เวลา และเงินไปมากแค่ไหนต่อการแปลวรรณกรรมไปอีกภาษาหนึ่ง สุดท้ายแล้วหากเราพึ่งพาเพียงแต่การแปล เราก็คงรู้จักกับงานวรรณกรรมต่างประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่หากมีภาษาสากล การแปลทั้งหมดจะเกิดขึ้นในภาษาเดียว เป็นภาษาที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ และงานวรรณกรรมนั้นจะอยู่ในรูปแบบที่มีความเป็นสากลและหากจะเขียนด้วยภาษาสากลโดยตรงก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
นั้นเปรียบเสมือนกำแพงที่กั้นระหว่างงานวรรณกรรมของมนุษยชาติได้พังทลายลงไปเลยทีเดียว งานวรรณกรรมต่าง ๆ ของแต่ละชนชาติจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้ง่ายราวกับเป็นผลงานของชาติของตน
งานเขียนต่าง ๆ จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ นี่รวมไปถึงเรื่องของการเข้าถึงการศึกษา การรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ และนอกจากนี้ยังทำให้ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้นราวกับเป็นครวบครัวเดียวกัน
เนื่องจากเราถูกแบ่งแยกด้วยภาษาและไม่มีทางเลยที่เราจะทุ่มเทให้กับภาษาใดภาษาหนึ่ง ในกรณีแรก อาจมีแค่บางคนที่สามารถใช้ภาษาแม่ของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในกรณีต่อมา ตัวภาษาเองก็ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้เนื่องจากในการพูดภาษาแม่ของตน ยังถูกบังคับให้ใช้คำหรือสำนวนจากชนชาติอื่น แสดงออกอย่างไม่ชัดเจน อันเนื่องมาจากความไม่แตกฉานในภาษา
ถ้าหากต้องเรียนเพียงแค่สองภาษา เราอาจจะใช้ภาษานั้นได้ดีกว่า และภาษาเองก็เกิดการพัฒนา เพิ่มความสมบูรณ์และมีระดับที่สูงขึ้น มากกว่าภาษาที่อยู่ในระดับสูง ณ ตอนนี้
และภาษานั้นก็จะเป็นตัวขับเคลื่อนการมีอารยธรรม เนื่องจากมนุษย์เรามีภาษา พวกเราจึงสูงกว่าสัตว์ และหากภาษาสูงเท่าไหร่ มนุษย์ก็พัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น
ความแตกต่างระหว่างภาษาเป็นเหตุผลหนึ่งของความแตกต่างและความแตกแยกของมนุษยชาติ จากเหตุที่เมื่อผู้คนพบกันและไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ จึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
ในการพบปะครั้งแรกนั้น เรามักไม่พูดกันในเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง เรื่องสถานที่แรกเกิด หรือเรื่องของบรรพบุรุษ แต่เมื่อมีคนพูดขึ้น สำเนียงที่เขาพูดจะทำให้เรารับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าที่มาจากที่อื่น ใครที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ต้องเข้าใจถึงความรู้สึกแบบนี้เป็นแน่
ประโยชน์อันมากมายมหาศาลของภาษาสากลที่มีต่อมนุษยชาติ ที่ไม่ได้ถูกบังคับให้ใช้ในบ้านของตน แต่ใช้เป็นภาษาของชุมชนและภูมิภาค ที่อย่างน้อยนำมาใช้ในประเทศที่มีความหลากหลายทางภาษา นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์ การค้า (สามารถต่อยอดไปได้อีกหลายสาขา ซึ่งข้าพเจ้าขอไม่ขยายความต่อ)
หากมีใครคิดพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผู้นั้นต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอนว่าไม่มีเรื่องใดที่ใหญ่เกินตัว โดยถ้าเราสามารถนำภาษาสากล มาใช้ตามกรณีต่าง ๆ ที่กล่าวมา นั่นก็หมายความว่าความพยายามหรือการผลักดันในเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบต่อไป เป็นเรื่องที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และหวังว่าท่านผู้อ่านที่รักจะตั้งใจอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ
---
ข้าพเจ้าขอไม่วิเคราะห์ถึงพยายามในการสร้างภาษาที่มีแนวคิดเดียวกัน แต่จะขอกล่าวเพียงว่าภาษาเหล่านั้นได้นำเสนอเพียงระบบการสื่อสารแบบย่อ ๆ หรือเป็นระบบลดความซับซ้อนของไวยากรณ์ และการสร้างศัพท์ที่คิดขึ้นมาเอง แล้วนำมาแทนที่คำศัพท์ที่อยู่แล้วในภาษาปัจจุบัน
หากจัดภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้นเป็นประเภท ประเภทแรก คือ ซับซ้อนและไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง และความพยายามเหล่านั้นสุดท้ายก็ล้มเลิกไป ส่วนประเภทที่สอง ได้ถูกสร้างออกมาให้มีลักษณะที่เป็น "ภาษา" แต่ไม่มีความเป็น "สากล"
แม้ว่าผู้สร้างภาษาจะตั้งชื่อภาษา “ในทำนองว่าเป็นของทั้งโลก” อาจจะเพียงเพราะทั้งโลกใบนี้ไม่มีใครเลยที่สามารถเข้าใจภาษานั้นได้
สำหรับความเป็นภาษาของทั้งโลกก็น่าจะเป็นไปได้หากมีผู้หนึ่งเรียกอย่างนั้น ซึ่งภาษาที่อยู่ในโลกทั้งหมดสามารถที่จะเป็นของทั้งโลกได้ หากเขาต้องการที่จะเรียกแบบนั้น
เพราะว่าความพยายามเหล่านั้นเกิดจากความหวังอย่างลม ๆ แล้ง ๆ ที่ว่าโลกจะรับภาษาเหล่านั้นด้วยความยินดีและจะมีการอนุมัติรับอย่างเป็นทางการ และการตกลงเห็นด้วยอย่างเป็นเอกฉันท์ สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด
เนื่องจากความไม่ใส่ใจของโลกการเมือง(ที่เป็นเรื่องปกติ) ที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้โดยไม่มีเงื่อนไขบางอย่าง และเพราะเหตุนี้จึงทำใหความพยายามทั้งหลายนั้น ล้มเหลวในที่สุด
เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่สนใจในความพยายามเหล่านั้น ส่วนพวกที่สนใจก็พอมีอยู่บ้างแต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าหากจะเรียนภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ยังมีคนพูดกันในทำนองว่า “เมื่อคนทั้งโลกหรือคนจำนวนเป็นล้าน ๆ เรียนภาษานี้กัน เราก็จะเรียนภาษานี้ด้วย”
และสิ่งที่ดูเหมือนว่าน่าจะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่เรียนภาษานั้นก็ต่อเมื่อก่อนหน้านี้มีผู้เรียนภาษาเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าไม่มีผู้ที่ยอมรับภาษาก็จะทำให้ภาษานั้นประสบกับความล้มเหลว
และหนึ่งในความพยายามล่าสุด ภาษาโวลาพึค (Volapük) กล่าวกันว่า มีจำนวนผู้เรียนเป็นจำนวนมาก นั้นก็แสดงให้เห็นว่าแนวคิดของภาษาสากลเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นว่ามีผู้คนที่มีความกระตือรือร้นและอุทิศตัวทุ่มเทโดยหวังว่าความพยายามนั้นจะทำให้ประสบความสำเร็จ
หากแต่จำนวนของผู้ที่ทุ่มเทมาถึงจุดสูงสุดและหยุดลง ในขณะเดียวกันโลกที่มีความเผิกเฉยไม่ต้องการที่จะทุ่มเทให้กับภาษาที่นำไปใช้สื่อสารกับคนแค่เพียงจำนวนหนึ่ง ในที่สุดภาษานั้นก็จะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับภาษาอื่นก่อนหน้า ที่ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และหายไปในที่สุด
ข้าพเจ้านั้นครุ่นคิดในเรื่องภาษาสากลมานานแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าไม่เชี่ยวชาญเท่ากับท่านผู้ที่ได้พยายามมาก่อนหน้า
ข้าพเจ้าได้กำหนดกรอบความคิดเอาไว้ว่า นอกจากเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะไม่คิดถึงเรื่องเพ้อฝันเรื่องอื่น ๆ และแล้วในที่สุดแนวคิดวิธีการเกี่ยวกับภาษานี้กลับผุดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
ซึ่งเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนทำให้ข้าพเจ้าเริ่มทดลองสร้างและการนำภาษาไปใช้ โดยที่ข้าพเจ้าจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จให้จงได้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือไม่ก็ตาม
และดูเหมือนว่ามันเริ่มจะเป็นไปได้ ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะขอนำเสนอสิ่งที่ข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นโดยใช้ระยะเวลาอันยาวนานต่อท่านผู้อ่านที่รักทุก ๆ ท่าน
---
สิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาและหนทางแก้ไขมีดังนี้
1. ภาษานี้จะต้องง่าย สามารถเรียนผ่านทางการเล่นได้
2. ผู้ที่เรียนรู้ภาษาสามารถนำเอาภาษาไปใช้ติดต่อกับชาวต่างชาติได้โดยทันทีไม่ว่าภาษานี้จะเป็นที่ยอมรับหรือมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากหรือไม่ก็ตาม เนื่องมาจากโครงสร้างของภาษาเหมาะที่จะเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างคนต่างชาติ
3. เพื่อให้มีเครื่องมือที่จะเอาชนะความเผิกเฉยของโลก และทำให้มีผู้คนเริ่มหันมาใช้ภาษานี้ให้เป็นภาษาที่มีชีวิตจริง ไม่ใช่ด้วยการใช้ภาษากับหนังสือสรุปไวยากรณ์หรือในบางโอกาสเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ มีหลายภาษาด้วยกันที่ได้มีการเสนอภายใต้ชื่อ “ภาษาสากล” แต่ภาษาเหล่านั้นยังไม่สามารถแก้ปัญหากับประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวมาได้เลย
นอกจากสามประเด็นปัญหาที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ข้าพเจ้ายังต้องแก้ไขปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ปัญหาที่ว่านั้น ยังไม่ใช่ปัญหาหลัก ซึ่งไม่ขอกล่าวที่นี่
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะอธิบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่ได้กล่าวไป ข้าพเจ้าขอร้องท่านผู้อ่านได้กรุณาพิจารณาถึงความหมายของปัญหา และขอให้พิจารณาถึงวิธีการแก้ปัญหาของข้าพเจ้าว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย
ข้าพเจ้าขอร้องเพียงเพราะข้าพเจ้าทราบว่าหากผู้คนพิจารณาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยเห็นถึงความสำคัญมากเท่าใด สิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะซับซ้อน ลุ่มลึก และเข้าใจได้ยากมากเท่านั้น
ผู้ที่กำลังอ่านหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้ ที่มีการอธิบายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ทุกคนเข้าใจได้ง่าย อาจจะมองเรื่องนี้ด้วยความแคลงใจ
การทำให้สิ่งที่ยากและซับซ้อน มีความเรียบง่ายและกระชับ สำหรับการนำเสนอในรูปแบบที่ง่ายที่สุด ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุด ที่ข้าพเจ้าทำ
---
# I
ข้าพเจ้าแก้ประเด็นปัญหาข้อแรกด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1) ข้าพเจ้าสร้างระบบไวยากรณ์ให้ง่ายขึ้น โดยนำส่วนหนึ่งของภาษาที่มีอยู่ เพื่อที่เราจะจำมันได้ง่าย และอีกส่วนหนึ่งคือไม่ได้ทำให้ความชัดเจน และความยืดหยุ่นทางภาษาหายไป ท่านสามารถเรียนไวยากรณ์ทั้งหมดของภาษานี้ภายใน 1 ชั่วโมงการทำให้ภาษามีไวยากรณ์ง่ายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
2) ข้าพเจ้าได้สร้างหลักการของ***การสร้างคำ***เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้านำวิชาเศรษฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของจำนวนคำที่จะต้องเรียน โดยจะไม่ทำให้ความร่ำรวยทางภาษาหายไป แต่ตรงกันข้ามเป็นการสร้างภาษา ด้วยความสามารถในการสร้างคำและการแสดงออกที่บ่งชี้แตกต่างที่มาจากความคิดด้วยคำหนึ่งคำ นั้นเป็นการสร้างภาษาให้ร่ำรวยขึ้นมากกว่าภาษาทั่วไป สิ่งนั้นเกิดจากการที่ข้าพเจ้าใช้คำปัจจัย(พยางค์เติมหน้า) และคำอุปสรรค (พยางค์เติมหลัง) ด้วยคำเหล่านี้เราสามารถนำมาสร้างคำมากมายหลายคำ ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องเรียนเพิ่มอีก (เพื่อความสะดวกในการเรียนคำปัจจัยและคำอุปสรรค ข้าพเจ้าได้ให้ความหมายของคำในพจนานุกรมรวมอยู่กับคำอื่น ๆ)
1) คำอุปสรรค “mal” ให้ความหมายสิ่งที่ตรงข้าม หากเรารู้คำว่า “bon
͵a” (ดี) ฉะนั้นเราก็สามารถสร้างคำว่า “mal
͵bon
͵a” (ชั่ว, เลว) ได้ และด้วยวิธีการสร้างคำอย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว alta (สูง) — mal
͵alt
͵a (เตี้ย); estim
͵i (เคารพ) — mal
͵estim
͵i (ดูหมิ่น) นั้นเป็นเหมือนการปลดปล่อยเราจากการเรียนคำศัพท์ที่มากมาย ตัวอย่าง “mal
͵mol
͵a” (นิ่ม) เราก็จะรู้ “mol
͵a” (แข็ง)mal
͵varm
͵a (เย็น), mal
͵nov
͵a (เก่า), mal
͵pur
͵a (สกปรก), mal
͵proksim
͵a (ไกล), mal
͵riĉ
͵a (จน), mal
͵lum
͵o (มืด), mal
͵honor
͵o (ไร้เกียรติ), mal
͵supr
͵e (ข้างล่าง), mal
͵am
͵i (เกลียด), mal
͵ben
͵i (สาปแช่ง)
2) คำปัจจัย “in”ให้ความหมายถึงเพศหญิง หากเรารู้คำ “frat
͵o” (พี่ชาย, น้องชาย) เราก็สามารถสร้างคำ “frat
͵in
͵o” (พี่สาว, น้องสาว) ได้ด้วยตัวเอง ตัวอย่างคำอื่น เช่น patr
͵o (พ่อ) - patr
͵in
͵o (แม่) แล้วเช่นเดียวกับคำต่อไปนี้ av
͵in
͵o (ย่า, ยาย), fil
͵in
͵o (ลูกสาว), fianĉ
͵in
͵o (หญิงคู่มั่น), knab
͵in
͵o (เด็กหญิง), kok
͵in
͵o (ไก่ตัวเมีย), bov
͵in
͵o (วัวตัวเมีย)
3) คำปัจจัย “il”ให้ความหมายถึงอุปกรณ์เพื่อทำบางอย่าง ตัวอย่างเช่นtranĉ
͵i (ตัด (ด้วยมีด) — tranĉ
͵il
͵o (มีด) ตัวอย่างคำอื่น komb
͵il
͵o (หวี), hak
͵il
͵o (ขวาน), sonor
͵il
͵o (ระฆัง), plug
͵il
͵o (คันไถ), glit
͵il
͵o (รองเท้าสกี) และนอกจากนี้ยังมีคำอุปสรรค คำปัจจัยอื่นอีก ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกัน
นอกจากนี้ข้าพเจ้าได้ออกกฎวิธีการมาอีกหนึ่งข้อคือคำจากภาษาอื่น ๆ ที่เป็นคำใช้กันแพร่หลายจนถือว่าเป็นคำสากลจะนำมาใช้ในภาษานี้ได้โดย มีการทำให้อักขรวิธีสอดคล้องกับภาษาสากล นั้นจึงทำให้การเรียนคำศัพท์ในภาษาสากลนี้ไม่เป็นเรื่องหนักหนามาก ตัวอย่างเช่น
ภาษาอังกฤษ
> locomotive, telegraph, nerve, temperature, center, form, public, platinum, botany, figure, wagon, comedy.
ภาษาฝรั่งเศส
> locomotive, télégraphe, nerf, température, centre, forme, public, platine, botanique, figure, wagon, comédie.
ภาษาเยอรมัน
> Lokomotive, Telegraph, Nerv, Temperatur, Zentrum, Form, Publikum, Platin, Figur, Wagen, Komödie.
ภาษาโปแลนด์
> lokomotywa, telegraf, nerw, temperatura, centr, forma, platyna, figura, wagon, komedja.
ภาษาสากล
> lokomotivo, telegrafo, nervo, temperaturo, centro, formo, publiko, platino, botaniko, figuro, vagono, komedio.
ด้วยวิธีที่อธิบายไปกับตัวอย่างของภาษาแล้วนั้น ทำให้เห็นว่าภาษานี้เป็นภาษาง่าย สิ่งที่จำเป็นจะต้องเรียนนั้นก็คือการเรียนคำศัพท์ซึ่งมีไม่มาก พร้อมกับกฎเกณฑ์ที่ไม่ใช่สิ่งซับซ้อนยุ่งยากจนปวดหัว ทำให้ผู้เรียนเองสามารถสร้างคำ ประโยค สำนวนที่จำเป็น ๆ ได้ง่ายอีกด้วย
นอกจากจำนวนคำศัพท์ที่ไม่มาก ซึ่งข้าพเจ้าจะแนบไว้อยู่ในหน้าท้ายของหนังสือเล่มนี้ จะทำให้ท่านรู้สึกได้ว่าภาษานี้มันง่ายมาก ๆ สำหรับคนที่พอจะมีความรู้เกี่ยวกับภาษาอื่นอยู่บ้าง
การเรียนภาษานี้ทั้งหมดสำหรับทุกคนจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ เมื่อเทียบกับภาษาอื่น แต่เพียงแค่ไม่กี่วัน
ซึ่งท่านสามารถพิสูจน์ได้จากบท บทเรียนฉบับสมบูรณ์ ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้
---
# II
ข้าพเจ้าแก้ประเด็นปัญหาข้อที่สองด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1) ข้าพเจ้าจะแสดงให้เห็นถึงส่วนประกอบของคำ คือคำในภาษานี้ประกอบจากคำย่อย ๆ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูป
หากท่านลองอ่านหนังสือที่เขียนในภาษาของข้าพเจ้า ท่านจะพบว่าคำศัพท์แต่ละคำจะอยู่ในรูปเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และด้วยรูปแบบนี้ท่านจะพบคำย่อย ๆ ได้ในพจนานุกรม
และส่วนค ำ(หรือจะเรียกว่าตัวลงท้าย) ที่เกี่ยวกับไวยากรณ์ที่จะนำมารวมกับคำที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปนั้นด้วย
สำหรับโครงสร้างของภาษาอย่างอาจนี้เป็นสิ่งแปลกสำหรับชาวยุโรป การทำให้คุ้นเคยคงเป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงพยายามทำให้รูปแบบคำของภาษาเข้ากันได้กับภาษายุโรป ถ้าหากมีใครเรียนภาษานี้ตามหนังสือเรียน โดยที่ไม่อ่านคำนำ (ซึ่งก็ไม่จำเป็นมากนัก) เขาอาจจะไม่มีความเห็นเลยว่ามีบางอย่างที่แตกต่างจากภาษาแม่ของเขา
ตัวอย่างเช่น ที่มาของคำว่า “fratino” ประกอบจากคำย่อย 3 คำ คือ frat (พี่ชาย, น้องชาย), in (เพศหญิง), o (สิ่งที่เกิดขึ้น, มีอยู่, คำนาม) (— สิ่งที่มีอยู่เป็นพี่หรือน้องเพศหญิง = พี่สาว, น้องสาว) โดย “o” บ่งชี้ว่าเป็นคำนามที่เป็นกรรตุการก ซึ่งก็คือ frat
͵o และเพื่อแสดงเพศหญิงเราจะแทรก “in” ดังนั้นจึงเป็น fratino — frat
͵in
͵o
และข้อต่อมาการใช้เครื่องหมายขีดเล็ก (
͵ )
ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงส่วนประกอบของคำจะเป็นส่วนที่ช่วยผู้เรียน ซึ่งอาจจะไม่ต้องรู้จักกับตัวลงท้าย คำอุปสรรค หรือปัจจัย แต่ส่วนประกอบเหล่านั้นก็คือคำที่ให้ความหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะไปปรากฏที่ข้างหน้าหรือข้างท้ายของคำ หรือเป็นคำเดี่ยว ซึ่งทุก ๆ คำสามารถที่จะทำหน้าที่เป็นรากคำหรือเป็นส่วนที่ให้ความหมายทางกฎไวยากรณ์ได้
และผลลัพธ์ที่เกิดจากวิธีการสร้างของภาษานี้ ก็คือจะมีผู้ที่สามารถอ่านเข้าใจได้ในทันทีหลังจากนี้ หรืออาจจะด้วยหนังสือเรียน หรือไม่มีเลยก็ได้ แม้ว่ายังไม่รู้จักภาษานี้มาก่อนก็ตาม โดยข้าพเจ้าขออธิบายอย่างนี้ คือ
สมมติว่าข้าพเจ้าเคยอยู่ที่ประเทศรัสเซียโดยที่ไม่รู้ภาษารัสเซียเลยสักคำ และข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง ข้าพเจ้าก็เขียนภาษาสากลลงบนกระดาษว่า
> Mi ne sci
͵as, kie mi las
͵is mi
͵a
͵n baston
͵o
͵n; ĉu vi ĝi
͵n ne vid
͵is?
ข้าพเจ้ามอบพจนานุกรมภาษาสากล-รัสเซีย ให้กับผู้สนทนา และข้าพเจ้าแสดงคำอธิบายของพจนานุกรมที่กล่าวว่า
> ทุกสิ่งที่เขียนด้วยภาษาสากลนี้ ท่านสามารถหาความหมายของคำต่าง ๆ ด้วยพจนานุกรมเล่มนี้ คำศัพท์ที่ให้ความหมายจะเขียนอยู่ด้วยกัน แต่จะแบ่งด้วยสัญลักษณ์ขีดเล็ก ๆ ตัวอย่าง frat
͵in
͵oคำนี้จะให้ความหมาย 1 ความหมาย แต่ประกอบด้วย 3 คำย่อย ซึ่งท่านจะต้องค้นหาแยกกัน
หากผู้สนทนาไม่เคยได้ยินเรื่องภาษาสากลมาก่อน ในตอนแรกเขาอาจะไม่เข้าใจ กับเราเป็นได้ แต่เมื่อเขาได้หยิบกระดาษใบนั้นและได้ค้นหาคำศัพท์ตามคำอธิบาย เขาก็จะเข้าใจว่า
Mi ข้าพเจ้า, ดิฉัน
ne ไม่
/ sci รู้
sci͵as <
\ as แสดงกริยาปัจจุบันกาล
kie ที่ไหน
mi ข้าพเจ้า, ดิฉัน
/ las ทิ้ง, ปล่อย
las͵is <
\ isแสดงกริยาอดีตกาล
la คำนำหน้านามชี้เฉพาะ
/ baston ท่อนไม้
baston͵o͵n; < o แสดงคำนาม
\ n แสดงกรรม
ĉu แสดงคำถามใช่หรือไม่, ไหม
vi ท่าน
/ ĝi มัน
ĝi͵n <
\ n แสดงกรรม
ne ไม่
/ vid เห็น
vid͵is? <
\ is แสดงกริยาอดีตกาล
ด้วยวิธีการเช่นนี้ชาวรัสเซียคนนั้นจะเข้าใจในสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อสารอย่างแน่นอน
หากเขาต้องการตอบข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะให้พจนานุกรมภาษารัสเซีย-สากลซึ่งมีคำนำว่า
> หากท่านประสงค์จะเขียนภาษาสากลนี้ ให้ค้นหาคำต่าง ๆ และค้นหาตัวลงท้ายที่แสดงกฎทางไวยากรณ์ในภาคผนวกส่วนของคำพูด
เนื่องจากในภาคผนวกเหมือนอย่างหนังสือเรียนที่ในบท**ส่วนของคำพูด**ที่จะมีแค่ไม่กี่หน้า และก็ทำให้การค้นหาคำในพจนานุกรมไม่ใช้เวลานานจนเกินไป
---
ทีนี้ข้าพเจ้าจะมาอธิบายว่าสิ่งที่ดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อนนี้ สำคัญอย่างไรในทางปฏิบัติ
เป็นที่ทราบกันดีว่าการเรียนภาษาสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษานั้น เป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำความเข้าใจได้แม้ด้วยพจนานุกรมที่ดีที่สุด เพราะว่าการใช้พจนานุกรมของภาษาใดภาษาหนึ่ง ผู้นั้นต้องมีความรู้ในภาษานั้น ๆ อยู่บ้างไม่มากก็น้อยมาก่อนหน้า
สำหรับการค้นหาคำจำเป็นจะต้องรู้รูปพื้นฐานของคำ และในระหว่างการสนทนาการใช้คำเหล่านั้นก็จะถูกผันไปตามกฎทางไวยากรณ์ ซึ่งรูปแบบของคำจะเปลี่ยนไป อาจจะผสมอยู่กับคำอุปสรรคหรือคำปัจจัยต่าง ๆ
เขาอาจจะไม่สามารถใช้พจนานุกรมในการค้นหาคำศัพท์ หรือถ้าหากเขาพบคำพร้อมกับความหมาย แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายของประโยคนั้น ๆ ได้เลย
ตัวอย่าง ถ้าข้าพเจ้าเขียนเป็นภาษาเยอรมัน
> Ich weiss nicht wo ich meinen Stock gelassen habe; haben sie ihn nicht gesehen
และเมื่อเขาค้นหาความหมายเลยโดยไม่รู้ภาษานั้นมาก่อน
ข้าพเจ้า-สีขาว-ไม่-ที่ไหน-ข้าพเจ้า-ค่าเฉลี่ย-ชั้น-ใจเย็น-มี; เพื่อที่จะมี-ท่าน-เขา-ไม่-เห็น
จะเห็นได้ว่าพจนานุกรมของภาษาต่าง ๆ นั้นมีคำศัพท์อยู่มากและการค้นหาคำหนึ่งไปอีกคำหนึ่งเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อย แต่สำหรับพจนานุกรมภาษาสากลที่มีระบบแบ่งส่วนประกอบของคำจึงทำให้พจนานุกรมมีขนาดเล็กและใช้งานได้อย่างสะดวก
จะเห็นได้ว่าคำแต่ละคำในพจนานุกรมมีการให้ความหมายของคำคำหนึ่งไว้มาก ซึ่งเราเองที่จะต้องเลือกความหมายที่ถูกต้องเอง
และท่านลองนึกดูว่า หากมีภาษาที่มีไวยากรณ์ที่เรียบง่ายและความหมายของคำศัพท์แต่ละคำมีความแน่นอน
และในกรณีที่มีผู้อ่านจดหมายของท่านโดยใช้พจนานุกรมช่วย อาจจะเป็นเรื่องจำเป็นที่เขาไม่เรียนเพียงเรื่องไวยากรณ์อย่างเดียว
แต่เขาต้องมีประสบการณ์ทางภาษามาพอสมควร เพื่อที่เขาจะสามารถแยกรากของคำศัพท์ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางไวยากรณ์อย่างไร
ขอย้ำอีกครั้งว่าประโยชน์ที่แท้จริงของภาษานั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ที่ใช้ภาษา และรวมไปถึงการไม่มีผู้ใช้หน้าใหม่ก็เป็นสิ่งที่สูญเปล่า
เพราะว่าหากเรื่องนี้อยู่ในเหตุการณ์ที่เราถามเพื่อนร่วมทางในขบวนรถไฟว่า “รถไฟหยุดที่สถานีนี้นานเท่าไหร่” ท่านคงไม่แนะนำให้เขาไปเรียนไวยากรณ์มาก่อนการถามแน่
แต่สำหรับท่านที่รู้ภาษาสากลนี้ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีไม่ว่าเพื่อนร่วมทางคนนั้นจะเป็นคนชนชาติใด โดยที่เพื่อนร่วมทางจะรู้ภาษานี้มาก่อนหรือไม่ก็ตาม
นอกจากนี้หนังสือทุกเล่มที่เขียนด้วยภาษาสากล ทุกคนสามารถอ่านได้ด้วยการใช้เพียงพจนานุกรมโดยไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวหรือไม่ต้องอ่านคำนำหรือคำอธิบายการใช้พจนานุกรม
และสำหรับผู้ที่มีไหวพริบภาษาซึ่งข้าพเจ้าจะอธิบายต่อไป พวกเขาใช้พจนานุกรมแต่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
ลองนึกภาพดูว่าถ้าท่านอยากเขียนจดหมายไปให้คนที่อยู่ประเทศสเปน แน่นอนท่านไม่รู้ภาษาสเปน และเขาก็ไม่รู้ภาษาของท่าน ท่านอาจเกิดคำถามว่าเขารู้หรือเคยเรียนภาษาสากลนี้มาก่อนไหม แต่ท่านก็ยังจะเขียนหาเขาด้วยความคิดที่ว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่ท่านเขียนเป็นแน่
แต่ด้วยลักษณะของ**ระบบแบ่งส่วนประกอบของคำ**ทำให้พจนานุกรมสำหรับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะสำหรับภาษาใด (ซึ่งท่านจะได้เห็นในหน้าท้าย) ที่มีขนาดเพียงแค่แผ่นเดียว ที่สามารถใส่ลงในซองจดหมายได้อย่างสบาย และราคาไม่กี่สตางค์
นั้นหมายความว่าท่านเพียงแค่เขียนจดหมายในภาษาสากลนี้และแนบพจนานุกรมไปด้วย
เมื่อชาวสเปนได้อ่านก็สามารถทำความเข้าใจจดหมายของท่านได้ ด้วยการใช้พจนานุกรม แต่พจนานุกรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือถอดรหัส แต่ยังแสดงถึงระบบและวิธีการของภาษาอีกด้วย
ด้วยวิธีการสร้างคำนี้เองที่ทำให้เราสามารถใช้พจนานุกรมเล็ก ๆ นี้ สำหรับการเขียนเรื่องราวในที่จำเป็นชีวิตประจำวัน
แต่สำหรับคำศัพท์ที่พบไม่บ่อยนัก เช่น คำศัพท์เฉพาะทางหรือคำศัพท์ภาษาต่างประเทศ ที่บางคนอาจจะคุ้นหู เช่น ในภาษาอังกฤษ “tobacco” “theatre” “fabric” ซึ่งจะไม่มีในพจนานุกรมเล่มนี้ หากท่านต้องใช้คำนั้นจริง ๆ และถ้าแก้ไขด้วยการหาคำอื่นมาแทนหรืออธิบายเป็นประโยคไม่ได้ ทางเดียวคือจะต้องใช้พจนานุกรมฉบับสมบูรณ์ ซึ่งท่านไม่จำเป็นที่จะต้องส่งไปให้เขา ท่านเพียงแค่เขียนคำแปลไว้ข้าง ๆ คำศัพท์เท่านั้นเอง
---
2) ต่อจากนั้น ด้วยวิธีการสร้างคำที่ได้อธิบายไป ข้าพเจ้าสามารถนำเอาไปใช้สื่อสารกับใครก็ได้ที่ข้าพเจ้าต้องการ
แต่สิ่งเดียวคือความไม่สะดวกที่เราจะต้องคอยจนกว่าคู่สนทนาจะวิเคราะห์สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนไป และวิธีการขจัดสิ่งเหล่านี้ (อย่างน้อยก็กับผู้ที่มีความรู้) ข้าพเจ้าจะทำตามต่อไปนี้
ข้าพเจ้าไม่ได้เรียบเรียงพจนานุกรมตามอำเภอใจ แต่ได้นำคำศัพท์ที่น่าจะเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก อย่างตัวอย่างคำศัพท์จากภาษาต่างประเทศหรือคำศัพท์เฉพาะทาง
ซึ่งข้าพเจ้านำคำเหล่านั้นมาโดยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไร สำหรับคำที่ออกเสียงไม่เหมือนกันในแต่ละภาษา ก็จะนำเอาคำศัพท์จากภาษาหลัก ๆ ในทวีปยุโรป 2 หรือ 3 ภาษาหรือคำที่มาจากแหล่งภาษาเดียวแต่เป็นที่นิยมใช้กันในหลายชนชาติ
ในกรณีนี้ถ้าหากคำที่นำมาออกเสียงไม่เหมือนกัน ข้าพเจ้าพยายามหาคำที่มีความหมายใกล้เคียงหรือเป็นคำที่พบไม่บ่อย แต่จะต้องเป็นที่รู้จักในชาติที่เป็นหลัก ตัวอย่างเช่น คำว่า “ใกล้” ในภาษาอื่น ๆ นั้น ออกเสียงต่างกันไป แต่ข้าพเจ้านำคำนี้มาจากภาษาละติน “proximus” (ใกล้ที่สุด) ซึ่งเราจะเห็นว่าคำนี้มีการนำมาใช้ในภาษาหลัก ๆ แต่อาจจะถูกดัดแปลงไปบ้าง
และเมื่อข้าพเจ้าใช้คำ “proksim” ซึ่งมีความหมายว่า “ใกล้” ผู้ที่มีความรู้ก็พอที่จะสามารถเข้าใจความหมายได้
ในกรณีอื่น ๆ ข้าพเจ้านำคำศัพท์มาจากภาษาละติน ซึ่งเป็นเสมือนภาษาสากลลำดับสอง
ข้าพเจ้าขอไม่กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ ซึ่งอาจจะมีในกรณีพิเศษ ตัวอย่างเช่น คำพ้องเสียง การเปลี่ยนรูปของคำให้ง่ายขึ้น และอื่น ๆ
และด้วยวิธีที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ การสื่อสารกับชาวยุโรปที่มีความรู้ในระดับปานกลาง ผู้ซึ่งไม่เคยเรียนภาษาสากลนี้มาก่อน ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการสื่อ ในส่วนคำศัพท์ที่เขาไม่แน่ใจในความหมาย การใช้พจนานุกรมเพื่อค้นหาคำศัพท์นั้นก็ใช้เวลาไม่มากนัก
---
และต่อไปนี้คือตัวอย่างของภาษาสากล สำหรับให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณา
# Patr
͵o Ni
͵a.
Patr
͵o ni
͵a, kiu est
͵as en la ĉiel
͵o, sankt
͵a est
͵u Vi
͵a nom
͵o, ven
͵u reĝ
͵ec
͵o Vi
͵a, est
͵u vol
͵o Vi
͵a, kiel en la ĉiel
͵o, tiel ankaŭ sur la ter
͵o. Pan
͵o
͵n ni
͵a
͵n ĉiu
͵tag
͵a
͵n don
͵u al ni hodiaŭ, kaj pardon
͵u al ni ŝuld
͵o
͵j
͵n ni
͵a
͵j
͵n, kiel ni ankaŭ pardon
͵as al ni
͵a
͵j ŝuld
͵ant
͵o
͵j; ne konduk
͵u ni
͵n en tent
͵o
͵n; sed liber
͵ig
͵u ni
͵n de la mal
͵ver
͵a, ĉar Vi
͵a est
͵as la reg
͵ad
͵o, la fort
͵o, kaj la glor
͵o etern
͵e. Amen!
# El la Bibli
͵o.
Je la komenc
͵o Di
͵o kre
͵is la ter
͵o
͵n kaj la ĉiel
͵o
͵n. Kaj la ter
͵o est
͵is sen
͵form
͵a kaj dezert
͵a, kaj mal
͵lum
͵o est
͵is super la profund
͵aĵ
͵o, kaj la anim
͵o de Di
͵o si
͵n port
͵is super la akv
͵o. Kaj Di
͵o dir
͵is: est
͵u lum
͵o; kaj far
͵iĝ
͵is lumo. Kaj Di
͵o vid
͵is la lum
͵o
͵n ke ĝi est
͵as bon
͵a, kaj nom
͵is Di
͵o la lum
͵o
͵n tag
͵o, kaj la mal
͵lum
͵o
͵n Li nom
͵is nokt
͵o. Kaj est
͵is vesper
͵o, kaj est
͵is maten
͵o —unu tag
͵o. Kaj Di
͵o dir
͵is: est
͵u firm
͵aĵ
͵o inter la akv
͵o, kaj ĝi apart
͵ig
͵u akv
͵o
͵n de akv
͵o. Kaj Di
͵o kre
͵is la firm
͵aĵ
͵o
͵n kaj apart
͵ig
͵is la akv
͵o
͵n kiu est
͵as sub la firm
͵aĵ
͵o; kaj far
͵iĝ
͵is tiel. Kaj Di
͵o nom
͵is la firm
͵aĵ
͵o
͵n ĉiel
͵o. Kaj est
͵is vesper
͵o, kaj est
͵is maten
͵o—la du
͵a tag
͵o. Kaj Di
͵o dir
͵is: kolekt
͵u si
͵n la akv
͵o de sub la ĉiel
͵o unu lok
͵o
͵n, kaj montr
͵u si
͵n sek
͵aĵ
͵o; kaj far
͵iĝ
͵is tiel. Kaj Di
͵o nom
͵is la sek
͵aĵ
͵o
͵n ter
͵o, kaj la kolekt
͵oj
͵n de la akv
͵o Li nom
͵is mar
͵o
͵j.
# Leter
͵o.
## Kar
͵a amik
͵o!
Mi prezent
͵as al mi kia
͵n vizaĝ
͵o
͵n vi far
͵os post la ricev
͵o de mi
͵a leter
͵o. Vi rigard
͵os la sub
͵skrib
͵o
͵n kaj ek
͵kri
͵os: “ĉu li perd
͵is la saĝ
͵o
͵n? Je kia lingv
͵o li skrib
͵is? Kio
͵n signif
͵as la foli
͵et
͵o, kiu
͵n li aldon
͵is al si
͵a leter
͵o?” Trankvil
͵iĝ
͵u, mi
͵a kar
͵a! Mi
͵a saĝ
͵o, kiel mi almenaŭ kred
͵as, est
͵as tut
͵e en ordo.
Mi leg
͵is antaŭ kelk
͵a
͵j tag
͵o
͵j libr
͵et
͵o
͵n sub la nom
͵o “Lingv
͵o inter
͵naci
͵a”. La aŭtor
͵o kred
͵ig
͵as, ke per tiu lingv
͵o oni pov
͵as est
͵i kompren
͵at
͵a de la tut
͵a mond
͵o, se eĉ la adres
͵it
͵o ne sol
͵e ne sci
͵as la lingv
͵o
͵n, sed eĉ ankaŭ ne aŭd
͵is pri ĝi; oni dev
͵as sol
͵e al
͵don
͵i al la leter
͵o mal
͵grand
͵a
͵n foli
͵et
͵o
͵n nom
͵at
͵a
͵n “vort
͵ar
͵o”. Dezir
͵ant
͵e vid
͵i, ĉu tio est
͵as ver
͵a, mi skrib
͵as al vi en tiu lingv
͵o, kaj mi eĉ unu vort
͵o
͵n ne al
͵met
͵as en ali
͵a lingv
͵o, tiel kiel se ni tut
͵e ne kompren
͵us unu la lingv
͵o
͵n de la ali
͵a. Respond
͵u al mi, ĉu vi efektiv
͵e kompren
͵is kio
͵n mi skrib
͵is. Se la afer
͵o propon
͵it
͵a de la aŭtor
͵o est
͵as efektiv
͵e bon
͵a, oni dev
͵as per ĉiu
͵j fort
͵o
͵j li
͵n help
͵i. Kiam mi hav
͵os vi
͵a
͵n respond
͵o
͵n, mi send
͵os al vi la libr
͵et
͵o
͵n; montr
͵u ĝi
͵n al ĉiu
͵j loĝ
͵ant
͵o
͵j de vi
͵a urb
͵et
͵o, send
͵u ĝin ĉiu
͵n vilaĝ
͵o
͵n ĉirkaŭ la urb
͵et
͵o, ĉiu
͵n urb
͵o
͵n kaj urb
͵et
͵o
͵n, kie vi nur hav
͵as amik
͵o
͵j
͵n aŭ kon
͵at
͵o
͵j
͵n. Est
͵as neces
͵e ke grand
͵eg
͵a nombr
͵o da person
͵o
͵j don
͵u si
͵a
͵n voĉ
͵o
͵n—tiam post la plej mal
͵long
͵a temp
͵o est
͵os decid
͵it
͵a afer
͵o, kiu pov
͵as port
͵i grand
͵eg
͵a
͵n util
͵o
͵n al la hom
͵a societ
͵o.
# Mi
͵a pens
͵o.
Sur la kamp
͵o, for de l’mond
͵o,
Antaŭ nokt
͵o de somer
͵o
Amik
͵in
͵o en la rond
͵o
Kant
͵as kant
͵o
͵n pri l’esper
͵o
Kaj pri viv
͵o detru
͵it
͵a
Ŝi rakont
͵as kompat
͵ant
͵e, —
Mi
͵a vund
͵o re
͵frap
͵it
͵a
Mi
͵n dolor
͵as re
͵sang
͵ant
͵e
* * *
“Ĉu vi dorm
͵as? Ho, sinjor
͵o,
Kial tia sen
͵mov
͵ec
͵o?
Ha, kred
͵ebl
͵e re
͵memor
͵o
El la kar
͵a infan
͵ec
͵o?”
Kio
͵n dir
͵i? Ne plor
͵ant
͵a
Pov
͵is est
͵i parol
͵ad
͵o
Kun fraŭl
͵in
͵o ripoz
͵ant
͵a
Post somer
͵a promen
͵ad
͵o!
* * *
Mi
͵a pens
͵o kaj turment
͵o,
Kaj dolor
͵o
͵j kaj esper
͵o
͵j!
Kiom de mi en silent
͵o
Al vi ir
͵is jam ofer
͵o
͵j!
Kio
͵n hav
͵is mi plej kar
͵a
͵n —
La jun
͵ec
͵o
͵n — mi plor
͵ant
͵a
Met
͵is mem sur la altar
͵o
͵n
De la dev
͵o ordon
͵ant
͵a!
* * *
Fajr
͵o
͵n sent
͵as mi intern
͵e,
Viv
͵i ankaŭ mi dezir
͵as, —
Io pel
͵as mi
͵n etern
͵e,
Se mi al gaj
͵ul
͵o
͵j ir
͵as . . .
Se ne plaĉ
͵as al la sort
͵o
Mi
͵a pen
͵o kaj labor
͵o —
Ven
͵u tuj al mi la mort
͵o,
En esper
͵o — sen dolor
͵o!
# El Heine’.
En sonĝ
͵o princ
͵in
͵o
͵n mi vid
͵is
Kun vang
͵o
͵j mal
͵sek
͵a
͵j de plor
͵o, —
Sub arb
͵o, sub verd
͵a ni sid
͵is
Ten
͵ant
͵e si
͵n kor
͵o ĉe kor
͵o.
* * *
“De l’patr
͵o de l’vi
͵a la kron
͵o
Por mi ĝi ne est
͵as hav
͵ind
͵a;
For, for li
͵a sceptr
͵o kaj tron
͵o —
Vi
͵n mem mi dezir
͵as, am
͵ind
͵a!”
* * *
— “Ne ebl
͵e!” ŝi al mi re
͵dir
͵as:
“En tomb
͵o mi est
͵as ten
͵at
͵a,
Mi nur en la nokt
͵o el
͵ir
͵as
Al vi, mi
͵a sol
͵e am
͵at
͵a!”
# Ho, mi
͵a kor’.
Ho, mi
͵a kor’, ne bat
͵u mal
͵trankvil
͵e.
El mi
͵a brust
͵o nun ne salt
͵u for!
Jam ten
͵i mi
͵n ne pov
͵as mi facil
͵e
Ho, mi
͵a kor’!
* * *
Ho, mi
͵a kor’! Post long
͵a labor
͵ad
͵o
Ĉu mi ne venk
͵os en decid
͵a hor’!
Sufiĉ
͵e! trankvil
͵iĝ
͵u de l’bat
͵ad
͵o
Ho, mi
͵a kor’!
---
# III
ตอนนี้ข้าพเจ้าได้อธิบายลักษณะของภาษาสากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้กล่าวถึงประโยชน์จากการศึกษานี้ และได้พิสูจน์ว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้มาจากชื่อที่มีคำว่า "สากล"
แม้ว่าภาษานี้ยังไม่ได้นำมาใช้ทั่วไป แต่ก็ทำให้ทุกคนที่ได้เรียนรู้ได้สร้างโอกาสที่ชาวต่างชาติจะเข้าใจกับพวกเราได้ เพียงแค่พวกเขาอ่านออกเขียนได้
แต่ภาษาของข้าพเจ้านี้ยังมีด้านอื่นอีก ไม่ใช่ในด้านการสื่อสารระหว่างประเทศเท่านั้น แต่เป็นด้านที่เรียกว่าสากล ที่มุ่งหวังให้ผู้คนที่ได้รับการศึกษาสามารถนำไปเรียนรู้
คนส่วนใหญ่มักจะไม่ต้องการช่วยเหลือใคร เขามักจะทำให้ตนเองพึงพอใจเท่านั้น
และด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอพยายามทำตามความสามารถของข้าพเจ้าอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยไม่ได้พึ่งการช่วยเหลือจากผู้อื่น และหนึ่งในแผนการของข้าพเจ้าคือ "การโหวตสากล"
ถ้าท่านผู้อ่านได้พิจารณาข้อความด้านบนแล้วนั้น ท่านสามารถสรุปได้ว่า ในทางปฏิบัติแล้วภาษาสากลนี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และมีประโยชน์กับผู้เรียนโดยอาจจะพบกับสิ่งที่ไม่เข้าใจบางประการที่อาจจะต้องพบเจอในขณะเรียนรู้
ในความคิดเห็นของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าต้องการให้คนทั้งหลายใช้ภาษานี้ แต่กระนั้นเองข้าพเจ้าอยากเห็นความพร้อมมากกว่านี้ ก่อนการคาดเดาของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าหวังว่าเพียงแค่ในตอนเริ่มต้นนี้จะมีผู้เห็นว่าภาษานี้น่าเรียน และอีกด้านหนึ่งนั้นจะไม่มีใครเสียเวลาไปเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว
ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่อาจจะไม่สนใจในข้อเสนอของข้าพเจ้า หรืออาจจะมีความสงสัยว่าภาษานี้มีประโยชน์จริงหรือไม่หรืออาจจะมีสิ่งที่ "ทำลายความกล้า" ในการเรียนรู้นั้น โดยกลัวว่าพวกเขาอาจถูกขนานนามว่า "พวกนักเพ้อฝัน” ซึ่งเป็นคำดูถูกที่น่ากลัว ถ้าอย่างนั้น จะต้องทำอย่างไรเพื่อกำจัดความไม่แยแสและลังเลใจแล้วให้เกิดความเชี่ยวชาญในภาษาสากล ถ้าเราลองจินตนาการดูแล้วลองมองหาช่วงเวลาหนึ่งในจิตใจของผู้ที่ไม่แยแสเหล่านี้ เราควรพบว่าความคิดของพวกเขาอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้
โดยหลักการแล้วไม่มีใครต่อต้านการนำเสนอของภาษาสากลนี้ ตรงกันข้ามทุกคนได้อนุญาตการนำเสนอนี้ เพียงแต่ทุกคนต้องการเห็นผู้คนจำนวนมาก ๆ ที่สามารถใช้ภาษานี้ได้ โดยต้องปราศจาก "การเรียนรู้ที่ใช้เวลาเป็นจำนวนมากจนเหนื่อย"และในตอนนั้นเอง แม้แต่ผู้ที่ไม่แยแสมากที่สุด ก็ยังต้องการที่จะเรียนรู้ เพราะการหลีกเลี่ยงการเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นกับภาษาที่มีคุณสมบัติอันมีค่าดังกล่าว และเหนือสิ่งอื่นใด หากท่านละเลยสิ่งที่ผู้มีการศึกษาทุกคนถือว่าเป็นสิ่งที่ดี นั้นจัดว่าเป็นความเขลาอย่างยิ่ง
สำหรับการเตรียมภาษาให้พร้อมต่อการนำไปใช้แบบรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครเรียนรู้มาก่อนนั้น และได้พบว่ามีผู้คนรู้ภาษานี้อยู่แล้ว หรือเป็นผู้ที่กำลังเริ่มเรียน หากเป็นเช่นนั้นเราต้องมาดูในวิธีการต่อไป แน่นอนอยู่แล้วว่าหนังสือเล่มนี้มีการวางขายอยู่ในหลาย ๆ ประเทศ และมีผู้คนซื้อไปเป็นจำนวนมาก ข้าพเจ้าจะไม่ขอร้องต่อผู้อ่านกับการใช้เวลา แรงกาย หรือเงินทอง ที่จะทำสิ่งนี้ให้บรรลุผล แต่ข้าพเจ้าขอท่านผู้อ่านที่รัก ขอให้ท่านหยิบปากกาแล้ว กรุณาช่วยเขียน "Promes
͵o" (ที่อยู่ด้านล่าง) จากนั้นกรุณาส่งมายังข้าพเจ้าที่ Dr. Esperanto, c/o Dr. L. Samenhof, Warsaw, Russ-Poland สำหรับการเขียนนี้มีคำสัญญาดังนี้
> Mi, sub
͵skrib
͵it
͵a, promes
͵as el
͵lern
͵i la propon
͵it
͵a
͵n de d-ro Esperanto lingv
͵o
͵n inter
͵naci
͵a
͵n, se est
͵os montr
͵it
͵a, ke dek milion
͵o
͵j person
͵o
͵j don
͵is publik
͵e tia
͵n sama
͵n promes
͵o
͵n.
แปลได้ว่า
> "ข้าพเจ้าขอลงนามในคำสัญญาว่าจะเรียนภาษาสากลของ หมอเอสเปรันโต โดยมีคนสัญญาอย่างเดียวกันนี้สิบล้านคน"
หรือหากท่านเห็นเป็นอย่างอื่น ขอให้ท่านขีดฆ่าคำสัญญา “promes
͵as” แล้วให้เขียน "kontraŭ" (ไม่เห็นด้วย) ตรงด้านล่าง แต่หากท่านประสงค์จะเรียนภาษานี้โดยไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคำสัญญา ขอให้ท่านขีดฆ่าข้อความท้ายสุดแล้วให้เขียน "sen
͵kondiĉ
͵e" (โดยปราศจากเงื่อนไข)
ด้านหลังของคำสัญญาขอให้ท่านเขียนชื่อและที่อยู่ สำหรับการลงนามในสัญญานี้โดยไม่ถือเป็นภาระผูกพันกับท่านที่ลงนาม และไม่มีความผูกมัดใด ๆ ทั้งปวง เพียงแค่สัญญาว่าจะต้องเรียนภาษา เมื่อมีคนอื่นอีกสิบล้านคนที่สัญญาเช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่มีการพูดถึง “การเสียสละ” ทุกคนก็จะพร้อมที่จะเรียนภาษาโดยไม่ต้องลงนามในสัญญาใด ๆ
และสำหรับท่านที่ลงนามใน "Promes
͵o" ไม่มีอะไรจะเป็นการรบกวนท่านนอกจากการหยิบปากกา ซึ่งท่านที่ลงนามนั้นจะเป็นผู้ที่ทำให้แนวคิดของภาษาสากลเป็นจริงเร็วยิ่งขึ้น เมื่อจำนวนของผู้ที่สัญญาว่าจะเรียนภาษาถึงสิบล้านคน และรายชื่อนั้นได้มีการนำเสนอต่อสาธารณะ คำถามเกี่ยวกับภาษาสากลจะได้รับการตอบไปโดยปริยาย
ไม่มีสิ่งใดที่จะขัดขวางให้สหายหรือคนที่รู้จักของท่านลงนามในคำสัญญา และการลงนามนั้นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญและเป็นประโยชน์สำหรับผู้คนทั้งหลาย
และโดยเฉพาะเมื่อมีการลงนามอย่างเช่นในการลงนามนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้แนวคิดนี้ได้มีโอกาสเกิดขึ้นจริง ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เสียหายในเรื่องของศีลธรรมหรือเป็นการเสียสละสิ่งของ ซึ่งพวกเราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
อีกหัวข้อหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครพูดอะไรที่ต่อต้านการนำภาษาสากลมาใช้ แต่ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับภาษานี้ ก็ให้เขานั้นส่ง "คำประท้วง" แทน "คำสัญญา"
เพราะเห็นได้ชัดว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่สามารถอ่านออกเขียนได้ ทุกเพศ ทุกวัย หรือทุกอาชีพ ที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ยิ่งใหญ่นี้ และที่เป็นเช่นนั้น เพราะมันไม่ต้องการการเสียสละใด ๆ มากไปกว่าการสละเวลาสักครู่หนึ่งเพื่อหยิบปากกาเขียนคำสัญญา และเงินสักจำนวนหนึ่งสำหรับการส่งมายังข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอร้องไปยังบรรณาธิการของนิยตสารทั้งหลาย โปรดนำเสนอเรื่องนี้ไปยังท่านผู้อ่านของท่านด้วย และก็ขอร้องให้ท่านผู้อ่านเล่าเรื่องนี้ให้สหายของท่านด้วย
ข้าพเจ้าคงไม่ต้องกล่าวอะไรมากอีกแล้ว ข้าพเจ้าไม่อยากจะกล่าวว่าภาษาของข้าพเจ้านั้นสมบูรณ์แบบจนข้าพเจ้าไม่สามารถทำให้มันดีกว่านี้ได้ แต่ข้าพเจ้านั้นกล้าที่จะกล่าวว่าข้าพเจ้าได้ทำให้สิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญ ๆ ของภาษานั้นได้ถูกเติมเต็มจนสามารถที่จะเรียกได้ว่า "สากล" แล้ว
ซึ่งมีเพียงบางสิ่งที่ได้แก้ไขหรือสร้างขึ้นตามที่ข้าพเจ้าได้นำเสนอ เพียงแค่สิ่งที่สำคัญ ๆ ที่ข้าพเจ้าสามารถกล่าวได้ให้พอดีกับเนื้อที่ของหนังสือเล่มนี้ บวกกับการศึกษาโดยใช้เวลาหลายปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ากล้าหาญพอที่จะนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ
ข้าพเจ้าเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา ๆ ที่สามารถทำสิ่งที่ผิดพลาดได้ หรือข้าพเจ้าอาจจะพลาดบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญในภาษาของข้าพเจ้า
---
สำหรับสิ่งเหล่านั้น ก่อนที่จะพิมพ์รายการคำศัพท์ที่สมบูรณ์และหนังสือหรือนิตยสารในภาษานี้ ข้าพเจ้าขอรอสาธารณะชนสักหนึ่งปี ขอให้ทั่วโลกส่งความคิดความเห็นต่อภาษาสากลมายังข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายินดีรับฟังคำเสนอแนะ การขอให้มีการเปลี่ยนแปลง และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ส่งมาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณและจะนำมาพิจารณาอย่างรอบครอบ ถ้าข้อเสนอนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และไม่ขัดกับหลักภาษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งก็คือความเรียบง่าย และเป็นการปรับปรุงเพื่อไปสู่การสื่อสารอย่างสากล ไม่ว่าจะเป็นการรับเอาไปอย่างสากลหรือไม่ก็ตาม
ในท้ายที่สุดของเวลาที่กำหนด ข้อเสนอแนะทั้งหมดจะได้นำมาเผยแพร่ และตัวของภาษาเองก็จะอยู่ในรูปแบบสุดท้าย (ที่จะไม่เปลี่ยนอะไรอีก)
หากมีใครพบว่าภาษานี้ไม่เป็นที่พอใจ โปรดอย่าลืมว่าภาษาไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ที่จะขัดกับข้อเปลี่ยนแปลงอันมากมาย เพียงแค่สิทธิในการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่สิทธิส่วนบุคคล แต่เป็นสิทธิของสถาบันทางภาษาของภาษานี้
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการสร้างภาษาสากล แต่ก็ยังง่ายกว่าการเชิญชวนผู้คนให้ใช้ภาษานี้ เพราะเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องพยายามในทุกด้านเพื่อที่จะได้บรรลุผล
และเมื่อรูปแบบของภาษาได้ถูกตัดสินจนเป็นที่สิ้นสุด ภาษาสากลเองก็ได้มีการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน สถาบันทางภาษาได้เสนอการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นที่ละนิด ๆ จนกลายมาเป็นรูปแบบของภาษา
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าขอภาวนาให้ท่านผู้อ่านที่อาจจะไม่พอใจกับภาษานี้ ส่งความเห็นต่าง ๆ ในส่วนที่เห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญจริง ๆ อย่างเช่นว่า ภาษามีส่วนหนึ่งที่เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ซึ่งในอนาคตที่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
---
ผลงานชิ้นเล็กน้อยนี้ ข้าพเจ้าได้ใช้แรงใจและแรงกายเป็นอย่างมาก ตอนนี้ข้าพเจ้าขอชื่นชมความสนใจของทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะช่วยข้าพเจ้าตามความสามารถที่มี
ในสถานการณ์ต่าง ๆ จะแสดงให้ท่านเห็นว่าภาษานี้มีประโยชน์ ข้าพเจ้าขอมุ่งไปที่ความสนใจของทุกท่านไปยังวัตถุประสงค์สำคัญที่ทุกท่านจะจับตาดูความสำเร็จในการโหวต ขอให้ทุกท่านทำในสิ่งที่ทำได้ตามกำลัง และหลังจากนี้ไม่นานนัก พวกเราจะได้เห็นในสิ่งที่เราได้ฝันเอาไว้ คือ "ภาษาสากล"
---
หมายเหตุ: ผู้เขียนขอร้องให้ท่านผู้อ่านกรุณาส่ง "Promes
͵o" อย่างน้อยสักหนึ่งใบ จากนั้นให้ส่งไปหาผู้เขียน หรือส่งไปยังสหายที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
ที่อยู่:
Dr. Esperanto,
c/o Dr. L. Samenhof,
Warsaw,
Russ-Poland
Promes͵o. Mi, sub͵skrib͵it͵a, promes͵as el͵lern͵i la propon͵it͵a͵n de d-ro Esperanto lingv͵o͵n inter͵naci͵a͵n, se est͵os montr͵it͵a, ke dek milion͵o͵j person͵o͵j don͵is publik͵e tia͵n sama͵n promes͵o͵n. Sub͵skrib͵o: |
Nom͵o: Adres͵o: |
Promes͵o. Mi, sub͵skrib͵it͵a, promes͵as el͵lern͵i la propon͵it͵a͵n de d-ro Esperanto lingv͵o͵n inter͵naci͵a͵n, se est͵os montr͵it͵a, ke dek milion͵o͵j person͵o͵j don͵is publik͵e tia͵n sama͵n promes͵o͵n. Sub͵skrib͵o: |
Nom͵o: Adres͵o: |
Promes͵o. Mi, sub͵skrib͵it͵a, promes͵as el͵lern͵i la propon͵it͵a͵n de d-ro Esperanto lingv͵o͵n inter͵naci͵a͵n, se est͵os montr͵it͵a, ke dek milion͵o͵j person͵o͵j don͵is publik͵e tia͵n sama͵n promes͵o͵n. Sub͵skrib͵o: |
Nom͵o: Adres͵o: |
Promes͵o. Mi, sub͵skrib͵it͵a, promes͵as el͵lern͵i la propon͵it͵a͵n de d-ro Esperanto lingv͵o͵n inter͵naci͵a͵n, se est͵os montr͵it͵a, ke dek milion͵o͵j person͵o͵j don͵is publik͵e tia͵n sama͵n promes͵o͵n. Sub͵skrib͵o: |
Nom-o: Adres-o: |
---
# บทเรียนฉบับสมบูรณ์
ไวยากรณ์ฉบับสมบูรณ์ของภาษาสากล
## (ก) ตัวอักษร
Aa, |
Bb, |
Cc, |
Ĉĉ, |
Dd, |
Ee,
|
แทนเสียง อะ, อา |
แทนเสียง บ |
แทนเสียง ทซ* |
แทนเสียง ช |
แทนเสียง ด |
แทนเสียง เอ |
Ff, |
Gg, |
Ĝĝ, |
Hh, |
Ĥĥ, |
Ii,
|
แทนเสียง ฟ |
แทนเสียง ก (เสียงก้อง) |
แทนเสียง จ |
แทนเสียง ฮ |
แทนเสียง ฆ (เสียงขาก) |
แทนเสียง อิ |
Jj, |
Ĵĵ, |
Kk, |
Ll, |
Mm, |
Nn,
|
แทนเสียง ย |
แทนเสียง ฌฺย* |
แทนเสียง ค |
แทนเสียง ล |
แทนเสียง ม |
แทนเสียง น |
Oo, |
Pp, |
Rr, |
Ss, |
Ŝŝ, |
Tt,
|
แทนเสียง โอ |
แทนเสียง ป |
แทนเสียง ร |
แทนเสียง ซ |
แทนเสียง ฌ* |
แทนเสียง ต |
Uu, |
Ŭŭ, |
Vv, |
Zz. |
แทนเสียง อู |
แทนเสียง ว |
แทนเสียง ฟฺว* | >
แทนเสียง ซ* |
เครื่องหมาย 1. * เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย 2. สระในภาษานี้สามารถออกเสียงสั้นหรือยาวก็ได้
หากเครื่องพิมพ์ของท่านไม่สามารถพิมพ์เครื่องหมาย ˆ และ ˘ ในกรณีที่จำเป็นท่านสามารถใช้ตัวอักษร *h* แทนได้ ตัวอย่าง ch = ĉ; gh = ĝ; hh = ĥ; jh = ĵ; sh = ŝ
หากจะต้องใช้เครื่องหมายแบ่งคำ (
͵) ในกรณีที่ต้องการหลีกเลี่ยงความสับสนกับเครื่องหมายลูกน้ำ (,) ท่านสามารถใช้
͵ หรือ - ตัวอย่าง sign
͵et
͵o, sign'et'o, หรือ sign-et-o
---
## (ข) ส่วนประกอบของคำพูด
1. มีคำนำหน้านามชี้เฉพาะ (la) เพียงหนึ่งคำเท่านั้น ไม่มีคำนำหน้านามไม่ชี้เฉพาะ และสามารถใช้ได้กับทุกลิงค์ ทุกการก และทุกพจน์
ตัวอย่างเช่น hund͵o สุนัข (บ่งชี้ถึงสุนัขทั่ว ๆ ไป)-La hund͵o สุนัข[ตัวนั้น] (กล่าวชี้เฉพาะเจาะจง)
2. คำนามลงท้ายด้วย o คำนามที่แสดงรูปพหูพจน์ จะลงท้ายด้วย j
การกมีแค่ 2 การกคือ กรรตุการกและกรรมการก (ส่วนที่เป็นประธานและกรรมในประโยค) สำหรับกรรมการกสร้างโดยการเติมตัว n ต่อจาก o ส่วนการกอื่น ๆ จะแสดงได้โดยการใช้คำบุพบทต่าง ๆ
hund͵o สุนัข (ตัวเดียว, เอกพจน์), hund͵o͵j สุนัขหลายตัว (พหูพจน์)
hund͵o ประธาน เอกพจน์, hund͵o͵j ประธาน พหูพจน์, hund͵o͵n กรรม เอกพจน์, hundo͵j͵n กรรม พหูพจน์
3. คำคุณศัพท์จะลงท้ายด้วยตัว a ทุกการกและทุกพจน์เหมือนกับคำนาม
สำหรับ การเปรียบเทียบใน ขั้นกว่า ใช้ “pli” ขั้นสุด ใช้ “plej”
ส่วนคำสันธานในการการเปรียบเทียบจะใช้ “ol” (กว่า)
bon͵o สิ่งที่ดี, ความดี, bon͵a ดี
pli bon͵a ดีกว่า, la plej bon͵a ดีที่สุด (มักจะต้องใช้ la นำหน้า plej)
Vi͵a kat͵o est͵as pli bel͵a ol mi͵a kat͵o.
แมวของคุณสวยกว่าแมวของฉัน (เมื่อจะต้องการเปรียบเทียบระหว่างสิ่งสองสิ่งจะต้องใช้ ol เป็นคำสันธาน)
4. ตัวเลขพื้นฐาน คือ
1 unu
2 du
3 tri
4 kvar
5 kvin
6 ses
7 sep
8 ok
9 naŭ
10 dek
100 cent
1000 mil
(ซึ่งการสร้างคำจำนวนนับจะเป็นเช่นเดียวกับในภาษาไทย และด้วยคำทั้งหมด 12 คำนี้สามารถสร้างคำแสดงจำนวนไปถึง 999,999)
สำหรับ dek͵o͵j (เป็นสิบ ๆ) และ cent͵o͵j (เป็นร้อย ๆ) เป็นรูปแบบของการแสดงจำนวนรวมคร่าว ๆ,
สำหรับการแสดงลำดับที่ ใช้ตัวเติมท้ายของคำคุณศัพท์ a la unu͵a ที่หนึ่ง, la du͵a ที่สอง ... (โดยปกติการแสดงลำดับที่มักจะต้องใช้ la นำหน้าคำเสมอ)
สำหรับการคูณ เติม oble du͵obl͵e สองเท่า, tri͵obl͵e สามเท่า
สำหรับการหารเติม on du͵on͵o หนึ่งส่วนสอง, ครึ่ง, kvar͵o͵no หนึ่งส่วนสี่
สำหรับการจับกลุ่ม เติม op du͵op͵e อย่างกลุ่มที่มีสอง kvar͵op͵e อย่างกลุ่มที่มีสี่
บุพบทสำหรับการแบ่งกระจายใช้คำ po (แต่ละ, คนละ, อย่างละ ฯลฯ)
Por mi͵a͵j kvar infan͵o͵j mi aĉet͵is dek du pom͵o͵j͵n, kaj al ĉiu el la infan͵o͵j mi don͵is po tri pomo͵j.
สำหรับเด็ก ๆ สี่คนของฉัน ฉันซื้อแอปเปิลมา 12 ลูก, และฉันให้แอปเปิลคนละ 3 ลูก
นอกจากนี้ตัวเลขยังสามารถทำให้เป็นคำนามและกริยาวิเศษณ์ได้อีกด้วย
คำนาม, dek͵o จำนวนที่เป็นสิบ dek͵o͵j จำนวนเป็นสิบ ๆ
Mi aĉet͵is dek͵o͵n da ov͵o͵j ฉันซื้อไข่มาสิบฟอง
กริยาวิเศษณ์, unu͵e อย่างแรก, du͵e อย่างที่สอง
5. บุรุษสรรพนาม
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
บุรุษที่ 1 |
mi – ฉัน, ผม |
ni – พวกเรา |
บุรุษที่ 2 |
vi – คุณ |
vi – พวกคุณ |
บุรุษที่ 3 |
li – เขาผู้ชาย; ŝi – เขาผู้หญิง, เธอ, หล่อน; ĝi – มัน |
ili – พวกเขา, พวกมัน |
สะท้อนบุรุษที่ 3 |
si – เขาเอง, เธอเอง, หล่อนเอง, มันเอง |
si – พวกเขาเอง, พวกเธอเอง, พวกหล่อนเอง, พวกมันเอง |
ไม่ชี้เฉพาะ |
oni – ใคร ๆ, คนเรา |
สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของจะเติมตัวลงท้ายของคุณศัพท์
mi
͵a ของฉัน, vi
͵a ของคุณ, li
͵a ของเขา, ŝi
͵a ของหล่อน, ĝi
͵a ของมัน, ili
͵a ของพวกมัน, si
͵a ของเขาเอง..., oni
͵a ของใคร ๆ ...
และรูปแบบการผันแบบต่าง ๆ เหมือนกันกับการผันของคำนาม
mi mi
͵a mi
͵a
͵j / mi
͵n mi
͵a
͵n mi
͵a
͵j
͵n ...
6. คำกริยาจะไม่เปลี่ยนตามชนิดของบุรุษสรรพนามหรือตามพจน์
โดยรูปแบบของกริยา มีดังนี้
กริยาปัจจุบันกาล ลงท้ายด้วย as
Mi am͵as vi͵n. ผมรักคุณ (ปัจจุบันกาล)
กริยาอดีตกาล ลงท้ายด้วย is
Mi am͵is vi͵n. ผมรักคุณ (อดีตกาล)
กริยาอนาคตกาล ลงท้ายด้วย os
Mi am͵os vi͵n. ผมจะรักคุณ (อนาคตกาล)
กริยาแสดงการสมมติลงท้ายด้วย us
Se mi est͵us san͵a, mi est͵us feliĉ͵a. ถ้าฉันร่างกายแข็งแรง ฉันก็จะมีความสุข
กริยาแสดงการขอร้องหรือคำสั่งลงท้ายด้วย u
Pet͵u ŝi͵n, ke ŝi send͵u al mi kandel͵o͵n ขอร้องเธอ ให้เธอส่งเทียนมาให้ฉัน
กริยาไม่แสดงกาล ลงท้ายด้วย i ใช้ต่อจากกริยาที่ผันแล้ว
Mi ŝat͵as leg͵i libr͵o͵j͵n.
หรือใช้เป็นประธานของประโยคในกรณีของอาการนาม rest͵i kun leon͵o est͵as danĝer͵e.
**สถานะลักษณะของกริยาที่การกระทำหรือการถูกกระทำ** (Participo) โดยสามารถผันเป็นคำคุณศัพท์หรือคำกริยาวิเศษณ์
กำลังกระทำอยู่ ลงท้ายด้วย ant
กระทำไปแล้ว ลงท้ายด้วย int
กำลังจะกระทำ ลงท้ายด้วย ont
กำลังถูกกระทำอยู่ ลงท้ายด้วย nt
ถูกกระทำไปแล้ว ลงท้ายด้วย it
กำลังจะถูกกระทำ ลงท้ายด้วย ot
การเติมตัวลงท้าย Participo
มักใช้เพื่อการทำให้คำกริยากลายเป็นคำคุณศัพท์เพื่อเอาไปขยายคำนาม
ตัวอย่าง
kur͵i วิ่ง
kur͵ant͵a hund͵o สุนัขที่กำลังวิ่ง
kur͵int͵a hund͵o สุขนัขที่วิ่งไปแล้ว
kur͵ont͵a hund͵o สุนัขที่กำลังจะวิ่ง
sendi ส่ง
send͵at͵a leter͵o จดหมายที่กำลัง(ถูก)ส่งไป
send͵it͵a leter͵o จดหมายที่(ถูก)ส่งไปแล้ว
send͵ot͵a leter͵o จดหมายที่กำลังจะ(ถูก)ส่งไป
หรือทำให้กลายเป็นกริยาวิเศษณ์เพื่อขยายประโยค
kur͵ant͵e mi vid͵as hund͵o͵n ในขณะที่กำลังวิ่ง ฉันเห็นสุนัข
หรือทำให้กลายเป็นคำนามซึ่งจะหมายถึงคน
kur͵ant͵o ผู้ที่กำลังวิ่ง
รูปแบบของกรรมวาจกมักจะใช้กริยา est͵i ร่วมกับรูปแบบกรรมวาจก ถูกกระทำอยู่ หรือ ถูกกระทำไปแล้ว ที่ต้องการ บุพบทสำหรับกรรมวาจกคือ de
ในการสร้างประโยคที่ใช้ Particip͵o จะต้องใช้กริยา est͵i เป็นกริยาช่วยเพื่อแสดงกาล (ซึ่ง Particip͵o จะไม่ได้แสดงกาลใด ๆ ทั้งสิ้น) สามารถใช้รูปที่เป็นผู้กระทำ (ant, int, ont) และรูปผู้ถูกกระทำ (at, it, ot) แต่ส่วนมากมักใช้ในรูปของผู้ถูกกระทำ เช่น
La leter͵o est͵as send͵it͵a. จดหมายนั้นได้(ถูก)ส่งไปแล้ว
หากเป็นรูปพหูพจน์ก็จะเป็น La leter͵o͵j est͵as send͵it͵a͵j.
และบุพบทที่ยกมาคือ de (จาก, โดย) ŝi est͵as am͵at͵a de ĉiu͵j. เธอถูกรักจากทุก ๆ คน, เธอเป็นที่รักของคนทุกคน
7. กริยาวิเศษณ์ลงท้ายด้วย e สำหรับวิธีการเปรียบเทียบในขั้นต่าง ๆ ใช้เหมือนกับคำคุณศัพท์
pli bon
͵e ดีกว่า, la plej bon
͵e ดีที่สุด (มักจะต้องใช้ la นำหน้า plej)
mi
͵a fra
͵to pli bon
͵e kant
͵as ol mi. พี่ชายของฉันร้องเพลงดีกว่าฉัน
8. บุพบททุกตัวมักจะต้องอยู่หน้าคำนามที่เป็นกรรตุการก (คำนามที่ลงท้ายด้วย o)
---
## (ค) หลักการทั่วไป
1. คำทุกคำจะอ่านออกเสียงเหมือนกับที่เขียน
2. หลักการการเน้นเสียง จะเน้นพยางค์ตัวก่อนสุดท้ายเสมอ
**Hun**do, **Ka**to, Man**ĝa**ĵo, Espe**ran**to
3. วิธีการสร้างคำผสม สร้างโดยวิธีการนำคำมาผสมกันโดยที่เป็นคำหลักจะอยู่ข้างหลัง และใช้ตัวลงท้ายใช้เหมือนกับคำทั่วไป
lernolibro หนังสือเรียน, dorm(o)sako ถุงนอน, skrib(o)tablo โต๊ะเขียนหนังสือ
4. ในประโยคที่ใช้คำที่มีความหมายเชิงปฏิเสธในตัวอยู่แล้ว ไม่ใช้ “ne” ซ้ำอีกในประโยค
Mi sci͵as neni͵o͵n ฉันไม่รู้อะไรเลย
Mi ne sci͵as neni͵o͵n ฉันไม่รู้ไม่มีอะไรสักอย่างเลย คือ รู้
5. สำหรับการแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ ทำได้โดยการใช้ตัวลงท้ายของกรรมการก (n)
โดยจะสอดรับกับคำถามที่ว่า kie
͵n (เข้าไปที่ไหน, โดยเป็นคำถามที่มีการแสดงการเคลื่อนที่)
kie͵n vi ir͵as? คุณกำลังจะไปไหน, ti͵en (ฉันกำลังไปที่นั้น) mi ir͵as Parizo͵n. ฉันไปปารีส mi ir͵as Londono͵n. ฉันไปลอนดอน mi ir͵as dom͵o͵n. ฉันไปบ้าน
หรือแสดงการเคลื่อนร่วมกับบุพทบ เช่น en (ใน)
Mi kur͵as en la dom͵o. ฉันวิ่งอยู่ในบ้าน
Mi kur͵as en la dom͵o͵n ฉันวิ่งเข้าไปในบ้าน
6. คำบุพบทุกคำจะมีความหมายเฉพาะและแน่นอน แต่เมื่อจะต้องใช้คำบุพบทที่ไม่มีคำบุพบทใดเหมาะสม ให้ใช้คำบุพบท je ซึ่งไม่มีความหมายในตัวเอง และนอกจากนั้นยังสามารถใช้ตัวลงท้ายของกรรมการก n แทนบุพบท je ได้
Mi kred͵as je Di͵o หรือ Mi kred͵as Di͵o͵n. ฉันเชื่อ(ใน)พระเจ้า
7. คำที่เรียกว่า คำต่างประเทศ ซึ่งเป็นคำที่มีใช้ร่วมกันในหลายภาษาสามารถนำมาสร้างคำในภาษาสากลได้ โดยใช้เพียงการสะกดและเพิ่มตัวลงท้ายของภาษาเอสเปรันโต สำหรับคำต่างประเทศบางคำที่มีความหมายซ้ำกัน ไม่จำเป็นต้องสร้างคำศัพท์ใหม่ ที่มีความหมายซ้ำกันอีก
เช่น
tragedi͵o, tragedia (ละครโศกนาฏกรรม) จาก
อังกฤษ tragedy
ฝรั่งเศส tragédie
เยอรมัน Tragödie
ฮังการี tragédia
ดัตช์ tragedie
รัสเซีย трагедия
8. สามารถละสระตัวท้ายของคำนาม ( o ) และคำนำหน้านามชี้เฉพาะ (a ของ la) ออกได้โดยแทนด้วยเครื่องหมายอะพอสทรอฟี ( ’ )
การละตัวลงท้าย o จากคำนามนั้น คำนามจะต้องไม่เป็นพหูจน์หรือกรรม
เมื่อจะละ a ใน la คำที่ติดกับ la มักเป็นคำที่ขึ้นต้นหรือลงท้ายด้วยสระ
kun l’ amikoj de l’ lingvo internacia >> kun la amikoj de la lingvo internacia
l’ espero >> la espero,
l’ sentoj >> la sentoj
หมายเหตุ : ปัจจุบันจะใช้สำหรับบทกวีเท่านั้น
---
Vort͵ar͵o por tajland͵an͵o͵j