ผมเองนั้นแม้จะเรียนด้านดนตรีแต่ด้วยความที่ชอบในเรื่องของภาษา ชอบอะไรที่เป็นของต่างชาติโดยเฉพาะที่แปลก ๆ ปี 2013 วันหนึ่งผมเดินเล่นดูหนังสือสำหรับเรียนภาษาต่างประเทศในหอสมุดของมหาวิทยาลัย แล้วไปเห็นสันหนังสือเล่มหนึ่งเป็นลายสีธงชาติไทย ซึ่งเป็นหนังสือเรียนภาษาเอสเปรันโต ของ Stano Marcek (หนังสือเรียนของเขาจะเป็นลายธงชาติของประเทศนั้น ๆ) ด้วยความที่ว่าชื่อภาษามันแปลกดี ก็เลยทำสำเนา แล้วก็ค่อย ๆ เรียนที่ละนิด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน แต่เป็นภาษาที่ไม่ซับซ้อน เรียนได้ไม่ยาก น่าสนใจดี
ต่อมายามว่างหลังเรียนเสร็จ ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับภาษาเอสเปรันโต ก็พบเข้ากับเว็บ lernu.net (ตอนนั้นเป็นเวอร์ชันเก่า) เรียนบทเรียนที่ชื่อว่า Ana Pana (เรียนด้วยภาษาอังกฤษ) แต่ที่ชอบคือในแบบฝึกหัดที่จะต้องส่งไปให้คนซึ่งเป็นชาวต่างชาติตรวจ และให้คำแนะนำ เราจะต้องอ่านและตอบเป็นภาษาเอสเปรันโต นั้นทำให้ผมได้เริ่มใช้ภาษากับคนจริง ๆ
ต่อจากนั้นไม่นาน ด้วยความสงสัยอยากรู้ ว่าในเฟซบุคมีใครใช้ภาษานี้จริง ๆ ไหม เลยลองค้นดู ได้พบกับกลุ่มเฟซบุค Esperanto เลยใช้ความรู้ทางภาษาเอสเปรันโตที่เพิ่งเริ่มเรียนได้ไม่นาน ลองตั้งโพสต์ถามดูว่าที่เมืองไทยมีคนใช้ภาษานี้จริงไหม ก็มีคนใจดีตอบมาว่ามีชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งย้ายมาทำงานในกรุงเทพอยู่แถวทองหล่อ ซึ่งผมเรียนอยู่แถวอโศก ก็ไม่ไกลกันมาก ผมก็รวบรวมความกล้าด้วยความสนใจ อยากรู้ อยากลองใช้ภาษาที่เรียนมาด้วยตัวเองนี้ ก็เลยติดต่อไป จนได้มาพบกัน จากนั้นก็มีการนัดเจอกันทุกอาทิตย์เพื่อพบปะพูดคุย เรื่อง ราวต่าง ๆ ทำให้ได้เป็นการฝึกภาษาด้านการพูด
จากนี้ผมก็ได้พบการผู้ที่แปลหนังสือเรียนของ Stano Marcek และก็ได้พบกับคนที่มาท่องเที่ยวที่กรุงเทพ ได้เริ่มที่จะลองแปลเรื่องสั้น แปลเว็บ lernu (ไม่สำเร็จ, และก็มีการเปลี่ยนเวอร์ชันของเว็บไป) ได้ไปร่วมงานกิจกรรมเยาวชนเอสเปรันโตที่เกาหลี มีการเชิญชาวต่างชาติให้มาสอนภาษากับผู้ที่สนใจ มีการตั้งกลุ่ม ตั้งชมรม ได้เจอผู้คนหลากหลาย ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ทำให้ชอบและเรียนรู้ภาษานี้เรื่อยมา